• Sample Page
  • Sample Page
Review film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Review film
No Result
View All Result

T1110024 หนังดีปี 2025 (14) part 2

admin79 by admin79
October 15, 2025
in Uncategorized
0
T1110024 หนังดีปี 2025 (14) part 2

The best 10 of BMW M cars

ถ้าพูดถึง BMW ที่มี Performance ระดับสูงคงจะไม่พูดถึงรุ่น “M” คงเป็นไปไม่ได้ ด้วยสมรรถนะและพละกำลังที่ผสานเข้ากับดีไซน์ของตัวรถ มันจึงปฏิเสธไม่ได้ว่ารุ่น M คือ BMW ที่ดีที่สุด วันนี้เราจะพาไปชม 10 อันดับ BMW M ที่ดีที่สุดตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา

BMW M1

1. BMW M1

M1 คือรถที่ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับการแข่งขันกีฬามอเตอร์สปอร์ต แต่น่าเสียดายที่มันไม่เคยได้วิ่งในสนามแข่งจริง เนื่องจาก
การเปลี่ยนแปลงกฎใหม่ แต่มันก็ยังคงเป็นรถที่หาชมได้ยาก ด้วยจำนวนการผลิตที่น้อย และราคาที่ค่อนข้างสูง มันจึงเป็น M
 ที่เหล่านักสะสมต่างแสวงหา

BMW M5 (E28)

2. BMW M5 (E28)

M5 E28 คือ M รุ่นแรกของ 5 Series หรือที่เรารู้จักกันในนาม E28 M5 ด้วยน้ำหนักตัวที่เบาเพียง 1,431 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับรถ ณ เวลาปัจจุบัน ที่มีน้ำหนักถึง 2,000 กิโลกรัม E28 M5 มาพร้อมเครื่องยนต์หกสูบ พร้อมสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม มันจึงไม่น่าแปลกใจที่หลาย ๆ คน อยากจะมีไว้ในครอบครอง

BMW M3 (E30)

3. BMW M3 (E30)

M3 E30 ถูกผลิตขึ้นด้วยเหตุผลเพียงสองประการ หนึ่งคือเพื่อเป็นการประกาศศักดาของ BMW ถึงการเป็นผู้นำด้านยานยนต์ 
สองคือเพื่อคว้าชัยในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต และมันสามารถทำได้ทั้งสองประการ มันจึงเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ที่สำคัญของรุ่น M ที่ผู้คนตามหามากที่สุด ณ เวลานี้

4. BMW M5 (E39)

E39 M5 เผยโฉมในปี 1998 รถรุ่นนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 ขนาดความจุ 4.9 ลิตร ด้วยขนาดและดีไซน์ของตัวรถที่ผสานเข้ากันได้อย่างลงตัว จนหลายคนให้คำนิยามรถรุ่นนี้ว่าเป็นรถผู้บริหารที่เร็วที่สุดในช่วงเวลานั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเป็นหนึ่งในรุ่น M 
ที่ดีที่สุด

5. BMW M3 CS (E46)

M3 CS (E46) ผลิตขึ้นเพียง 250 คันทั่วโลก มันคือรถที่ถูกพัฒนาต่อยอดจากรุ่น CSL ซึ่งเป็นรุ่นน้ำหนักเบา M3 CS มาพร้อมกับระบบเบรกที่ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ด้วยการพัฒนาสมรรถนะของตัวรถให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มันจึงเป็นหนึ่งในสิบรุ่นที่หลายคนพูดถึงเช่นกัน

BMW M3 CRT (E90)

6. BMW M3 CRT (E90)

M3 CRT เป็นรถรุ่นพิเศษสี่ประตูที่ผลิตขึ้นมาเพียง 67 คัน มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 ขนาดความจุ 4.4 ลิตร เป็นเหมือนการอัพเกรดจาก M3 GTS ด้วยการถอดชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็นออก ทำให้รถมีน้ำหนักที่เบาลง แต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหราและสมรรถนะจึงไม่น่าแปลกใจที่มันยังเป็นหนึ่งในรถตระกูล M ที่หลายคนต้องการ

BMW M5 Touring (E61)

7. BMW M5 Touring (E61)

M5 Touring (E61) คือการเปลี่ยนมุมมองให้กับ M5 E60 4 ประตู ด้วยเครื่องยนต์ V10 ขนาดความจุ 5.0 ลิตร ที่มีพละกำลังถึง 507 แรงม้า ไม่เพียงแต่สมรรถนะและความเร็ว แต่มันยังสามารถขนสัมภาระได้จำนวนมากได้อีกด้วย มันจึงเป็น M ที่สามารถใช้เป็นรถครอบครัวสไตล์พ่อบ้านสายโหดได้

BMW 1 Series M Coupe

8. BMW 1 Series M Coupe

1 Series M Coupe รถ M ขนาดเล็กที่จิ๋วแต่แจ๋ว ผลิตออกมาจำนวนจำกัด มาพร้อมกับเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบหกสูบ ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง ถึงแม้ว่าจะเป็นรถคันเล็กแต่มันมีกำลังถึง 340 แรงม้า มาพร้อมดีไซน์สปอร์ต ง่ายต่อการขับขี่บนท้องถนนในเมือง เป็นอีกหนึ่งรุ่นของ M ที่หลายคนมองหา

BMW M2 Cs

9. BMW M2 CS

M2 CS รุ่นนี้เป็นเหมือนการก้าวข้ามขีดจำกัดของรถอย่างแท้จริง ตัวถังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีน้ำหนักเบา มาพร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่เต็มรูปแบบ มีพละกำลังถึง 444 แรงม้า มันอาจจะเป็นการส่งท้ายรถยนต์ Sport Coupe แบบเดิมที่ยอดเยี่ยมที่สุด เนื่องด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่กำลังจะมาถึง    

BMW M5 CS

10. BMW M5 CS

M5 CS ที่เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะและพละกำลัง ถูกพัฒนาจากรุ่นก่อนหน้าด้วยการถอดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกเพื่อลดน้ำหนักของตัวรถซึ่งหายไปถึง 70 กิโลกรัม แต่ยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพ M5 CS มีกำลังถึง 635 แรงม้า หลายคนให้คำนิยามรถรุ่นนี้ว่าเป็น M5 ที่ดีที่สุด จึงไม่น่าแปลกใจที่มันคือรุ่นปิดท้ายของ 10 รถยนต์ตระกูล M ที่ดีที่สุดนั่นเอง

AUDI RS E-TRON GT หัวขบวนของรถไร้เครื่องยนต์แต่รวยห่วง

9 Apr 2021

AUDI RS E-TRON GT หัวขบวนของรถไร้เครื่องยนต์แต่รวยห่วง

นอกจาก AUDI E-TRON GT QUATTRO (เอาดี อี-ทรอน จีที กวัตตโร) ที่เพิ่งผ่านตาไปแล้ว รถเก๋งคูเปพลังไฟฟ้าอีกโมเดลหนึ่งที่ค่าย “สี่ห่วง” นำออกอวดตัวผ่านระบบออนไลน์เมื่อวันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ 2021 คือ AUDI RS E-TRON GT (เอาดี อาร์เอส อี-ทรอน จีที) ที่กำลังเปิดโอกาสให้คนรักรถสัมผัสได้ด้วยสายตาในขณะนี้

   หากตั้งคำถามว่าทำไมต้องมีรถติดป้ายชื่อ AUDI RS E-TRON GT ? ก็จะอธิบายได้ โดยเทียบเคียงกับกรณีของรถเก๋งคูเปขนาดเล็กที่สุดของค่ายนี้ คือ รถ AUDI A5 COUPE (เอาดี เอ 5 คูเป) รุ่นปัจจุบัน ซึ่งเริ่มจำหน่ายเมื่อปี 2016 และได้รับการปรับปรุงแบบ FACELIFT หรือ “ยกหน้า” เมื่อปลายปี 2019 รถอนุกรมนี้มีให้เลือก 9 โมเดล รถโมเดลหัวกะทิ คือ AUDI A5 COUPE 50 TDI QUATTRO (เอาดี เอ 5 คูเป 50 ทีดีไอ กวัตตโร) ซึ่งติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลฉีดตรง DOHC วี 6 สูบ 2,967 ซีซี 210 กิโลวัตต์/286 แรงม้า และมีน้ำหนักตัวพร้อมขับ 1,730 กก. จากนั้นก็มีการพัฒนาต่อกิ่งต่อยอดทอดแรกเป็นรถ AUDI S5 COUPE (เอาดี เอส 5 คูเป) ซึ่งติดตั้งเครื่องยนต์แรงขึ้น คือ เครื่องเทอร์โบดีเซลฉีดตรง DOHC วี 6 สูบ 2,967 ซีซี 251 กิโลวัตต์/341 แรงม้า และน้ำหนักรถพร้อมขับก็เพิ่มขึ้นเป็น 1,785 กก. ปิดท้ายด้วยการพัฒนาต่อยอดทอดที่ 2 เป็นรถ AUDI RS5 COUPE (เอาดี อาร์เอส 5 คูเป) ซึ่งติดตั้งเครื่องยนต์แรงขึ้น คือเครื่องทวินเทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC วี 6 สูบ 2,894 ซีซี 331 กิโลวัตต์/450แรงม้า แต่มีการเปลี่ยนรายละเอียดอื่นๆ มากมายจนน้ำหนักรถพร้อมขับกลับลดลงเป็น 1,707 กก. กล่าวอย่างย่นย่อก็คือ จากรถ AUDI A5 COUPE พัฒนาเป็นรถ AUDI S5 COUPE แล้วก็พัฒนาเป็นรถ AUDI RS5 COUPE นั่นเอง   ที่แตกต่างกันก็คือ การพัฒนาจาก AUDI A5 COUPE เป็น AUDI RS5 COUPE นั้น มีการเปลี่ยนแปลงหน้าตาและรายละเอียดต่างๆ ที่มองเห็นได้ชัดอยู่มากมาย แต่การพัฒนาโดยการก้าวกระโดดจาก AUDI E-TRON GT เป็น AUDI RS E-TRON GT นี้ แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลยที่สัมผัสได้ด้วยสายตา จุดเปลี่ยนที่พอหยิบยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างได้ก็คือ ชื่อโมเดลที่ติดอยู่บนตัวถัง การเปลี่ยนขนาดล้อจาก 19 นิ้ว เป็น 20 หรือ 21 นิ้ว และการเปลี่ยนไฟหน้าเป็นไฟ MATRIX LED (แมทริกซ์ แอลอีดี) การเปลี่ยนแปลงที่เป็นสาระสำคัญอยู่ที่จุดเดียว คือการเพิ่มสมรรถนะของรถ      รถโมเดลหัวกะทิโมเดลนี้ ยังคงใช้ระบบขับแบบเดียวกันกับรถซึ่งเป็นต้นตอ คือใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ขับล้อคู่หน้าคู่หลัง แต่เพิ่มขนาดของมอเตอร์ขับล้อคู่หลัง ซึ่งส่งผลให้กำลังรวมสุทธิเพิ่มจาก 350 กิโลวัตต์/476 แรงม้า เป็น 440 กิโลวัตต์/598 แรงม้า คือ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25.7 และก็เช่นเดียวกันกับรถซึ่งเป็นที่มา คือ สามารถโอเวอร์บูสต์กำลังที่ว่านี้เป็น 475 กิโลวัตต์/646 แรงม้า ในช่วงเวลาสั้นๆ คือไม่เกิน 2.5 วินาที ส่วนระบบเกียร์ที่ใช้ก็ยังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 2 จังหวะ อุปกรณ์ป้อนพลังไฟฟ้าก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คือยังเป็น แบทเตอรี ลิเธียม-ไอออน 800 โวลท์ ขนาดความจุรวม 93.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง การติดตั้งก็ทำเช่นเดิม คือติดตั้งอยู่กับพื้นรถในตำแหน่งที่ส่งผลให้อัตราส่วนการกระจายน้ำหนักทั้งหมดของตัวรถลงสู่ล้อคู่หน้าและคู่หลัง มีค่าใกล้เคียงที่สุดกับค่าสมบูรณ์แบบ คือ 50:50   การเปลี่ยนแปลงในจุดสำคัญนี้ส่งผลเป็นอย่างมากต่ออัตราเร่ง แต่ส่งผลไม่มากนักกับตัวเลขความเร็ว อัตราการสิ้นเปลืองพลังไฟฟ้า และระยะทางที่รถวิ่งได้ กล่าวคือ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ลดเวลาจาก 4.5 เป็น 3.3 วินาที และจาก 4.1 เป็น 3.3 วินาที กรณีใช้แรงบูสต์ ส่วนความเร็วสูงสุดเพิ่มขีดจำกัดจาก 245 เป็น 250 กม./ชม. และเมื่อวัดตามมาตรฐานใหม่คือ WORLDWIDE HARMONIZED LIGHT VEHICLES TEST PROCEDURE ซึ่งนิยมเรียกกันโดยย่อว่า WLTP และเชื่อกันว่าให้ตัวเลขใกล้เคียงกับการใช้งานจริงมากกว่ามาตรฐานเก่า จะมีอัตราสิ้นเปลืองพลังไฟฟ้าเฉลี่ย 0.206-0.225 กิโลวัตต์ชั่วโมง/กม. และรถจะวิ่งได้ไกล 433-472 กม.เมื่อชาร์จไฟเต็ม   เริ่มการจำหน่ายในเยอรมนีพร้อมกับการเปิดตัวเช่นกัน ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 19 เริ่มต้นที่ 138,200 ยูโร หรือประมาณ 5.11 ล้านบาทไทย คือ แพงขึ้นถึงร้อยละ 38.5   AUDI RS E-TRON GT

  • รถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่แรงที่สุดและเร็วที่สุดของค่ายเอาดี
  • มิติตัวถัง 4.989×1.964×1.396 ม. สัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.24
  • มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด 440 กิโลวัตต์/598 แรงม้า แบทเตอรี 93.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง
  • อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.(จำกัด)
  • ราคารวมภาษีในเยอรมนี เริ่มต้นที่ 138,200 ยูโร (ประมาณ 5.11 ล้านบาทไทย)

Share

ABOUT THE AUTHOR

ช

ชูศักดิ์ ชมจินดา

ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต

นิตยสาร 399 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2564

คอลัมน์ Online : ระเบียงรถใหม่

FINNIX ATI 2025 MB
AISIN 2025 ATI MB
TOYOTA ATI MB 2025
Previous Post

T1110021 หนังดีปี 2025 (1) part 2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.