ในแต่ละปี ค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตมีแต่จะแพงขึ้น ทั้งด้วยปัญหาเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย และอีกหลากหลายปัจจัย แต่อย่างไรก็ตาม ประเด็นเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเศรษฐีผู้ร่ำรวย โดยกลุ่มคนเหล่านี้ยินดีที่จะจ่ายเพิ่มขึ้นหรือแพงขึ้นเพื่อไลฟ์สไตล์ที่หรูหรา และย้ายไปยังเมืองสุดแพงที่พร้อมตอบสนองความต้องการในทุก ๆ ด้าน ทั้งการทำงาน ที่อยู่อาศัย การศึกษา และความบันเทิงอื่น ๆ
รายงาน ไลฟ์สไตล์และความมั่งคั่งระดับโลกประจำปี 2567 (Global Wealth And Lifestyle Report 2024) ของ ธนาคารจูเลียส แบร์ (Julius Baer) ได้สำรวจราคาสินค้า บริการ และค่าใช้จ่ายด้านอื่น ๆ รวม 20 ประเภท ใน 25 เมืองใหญ่ทั่วโลก พบว่าหลายประเภทต่างปรับตัวสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่งผลให้ไลฟ์สไตล์คนร่ำรวยยิ่งแพงขึ้น
สินค้า บริการ หรืออื่น ๆ ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ เครื่องประดับ 9.6% ชุดสูทผู้ชาย 9.3% ห้องสวีตโรงแรมหรู 9.2% ค่าใช้จ่ายสำหรับโรงเรียนเอกชน 8.1% และกระเป๋าถือสำหรับผู้หญิง 8.7%
ผู้ครองแชมป์เมืองแสนแพงสำหรับเศรษฐีคือ สิงคโปร์ ตามด้วยฮ่องกง และลอนดอน โดย สิงคโปร์ เป็นผู้นำในไลฟ์สไตล์สุดแพงเกือบทุก ๆ ด้าน โดยราคารถใหม่ในสิงคโปร์แพงกว่าเมืองอื่น ๆ ทั่วโลกประมาณ 2.5 เท่า และแพงขึ้น 15% จากปีที่แล้ว
“รัฐบาลสิงคโปร์มุ่งมั่นทุ่มเทอย่างหนักเพื่อทำให้ประเทศเป็นศูนย์กลางที่น่าดึงดูดใจที่สุดสำหรับธุรกิจระดับโลกและเศรษฐีผู้มั่งคั่ง นอกจากนี้แล้ว ค่าเงินก็นับว่ามีเสถียรภาพสูง ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่าสิงคโปร์สมศักดิ์ศรีผู้ครองแชมป์เมืองแพงที่สุดในโลกมาอย่างต่อเนื่อง” รายงานระบุ
ในขณะที่ ลอนดอน ยังครองแชมป์เมืองที่ค่าเทอมโรงเรียนเอกชนแพงที่สุด โดยค่าใช้จ่ายในการส่งบุตรหลานเข้าเรียนโรงเรียนเหล่านี้เพิ่มขึ้น 14% ยิ่งไปกว่านั้น ค่าโรงแรมหรูในลอนดอนยังเพิ่มขึ้นมากถึง 38%
สำหรับ กรุงเทพมหานคร ติดอันดับที่ 17 เมืองที่แพงที่สุดในโลก โดยร่วงลงมาจากอันดับที่ 11 ในปี 2566 โดยปัจจัยหลักที่ทำให้ไลฟ์สไตล์หรูใน กรุงเทพฯ แพงน้อยลงคือการเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน เช่นเดียวกันกับหลาย ๆ เมืองในภูมิภาค โดยราคารถใหม่ถูกลง ทั้งในแง่ของเงินบาทและเงินดอลลาร์สหรัฐ ค่าเช่าพักอาศัยถูกลง 3.2% และค่าตั๋วเครื่องบินชั้นธุรกิจถูกลง 7.9%
อย่างไรก็ตาม กรุงเทพมหานคร ก็ยังคงแพงในหลาย ๆ ด้าน โดยราคาเครื่องประดับพุ่งขึ้น 9.8% รองเท้าแบรนด์หรูสำหรับผู้หญิง เพิ่มขึ้น 6.9% กระเป๋าแบรนด์หรูสำหรับผู้หญิง เพิ่มขึ้น 6.2% ค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยี เพิ่มขึ้น 4.0% ค่าเรียนในระดับปริญญาโท เพิ่มขึ้น 4.2% (เพิ่มขึ้น 4.8% ในแง่ของเงินบาท) และค่าใช้จ่ายสำหรับโรงเรียนเอกชนก็เพิ่มขึ้น 3.4% (เพิ่มขึ้น 4.0% ในแง่ของเงินบาท)
รายชื่อ 10 อันดับ เมืองที่แพงที่สุดในโลก ที่พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์หรูหราสำหรับคนร่ำรวยระดับมหาเศรษฐี ได้แก่
1. สิงคโปร์
2. ฮ่องกง
3. ลอนดอน – อังกฤษ
4. เซี่ยงไฮ้ – จีน
5. โมนาโก
6. ซูริค – สวิตเซอร์แลนด์
7. นิวยอร์ก – สหรัฐ
8. ปารีส – ฝรั่งเศส
9. เซาเปาโล – บราซิล
10. มิลาน – อิตาลี
ส่วนอีก 15 อันดับที่เหลือ ที่แม้จะไม่ติด 10 อันดับแรก แต่ก็ยังนับว่าแพงเช่นกัน ได้แก่
11. ซิดนีย์ – ออสเตรเลีย
12. ดูไบ – สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
13. ไทเป – ไต้หวัน
14. จาการ์ตา – อินโดนีเซีย
15. ไมอามี – สหรัฐ
16. เม็กซิโกซิตี – เม็กซิโก
17. กรุงเทพมหานคร – ไทย
18. บาร์เซโลนา – สเปน
19. แฟรงก์เฟิร์ต – เยอรมนี
20. มุมไบ – อินเดีย
21. มะนิลา – ฟิลิปปินส์
22. ซานติอาโก – ชิลี
23. โตเกียว – ญี่ปุ่น
24. แวนคูเวอร์ – แคนาดา
25. โจฮันเนสเบิร์ก – แอฟริกาใต้
อ้างอิง : cnbc.com, juliusbaer.com
