ถ้าเราพูดถึงเรื่องความแรงของรถยนต์ แน่นอนว่าคำเหมือนที่มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาสำหรับนิยามนี้คือ รถสปอร์ต มันก็จริงนะ แต่คงไม่ใช่พ.ศ.นี้ ที่ความแรงและสมรรถนะในการขับเคลื่อนจะต้องถูกตีกรอบหรือจำกัดวงอยู่แค่ในตัวถังแบบคูเป้ หรือเปิดประทุนแบบ 2 ประตู แต่ยังถูกกระจายออกสู่รถยนต์ตัวถังในแบบต่างๆ โดยเฉพาะรถยนต์นั่ง 4 ประตู หรือรถเก๋ง ซึ่งมักจะมีของดีซ่อนอยู่ใต้ฝากระโปรงอยู่เสมอ และมักจะทำให้บรรดารถสปอร์ต และพวกซูเปอร์คาร์หน้าแตกละเอียดกลางถนนกันมาแล้ว
เอาล่ะในวาระที่ BMW เพิ่งเผยโฉมใหม่ของ M5 ออกสู่ตลาด เราเลยคิดว่าจะพาคุณๆ ทั้งหลายไปรู้จักกันบรรดาตัวแรง 4 ประตูที่ผู้ผลิตรถยนต์เคยส่งออกมาขายบนโชว์รูม ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นมี M5 ใหม่ติดรวมอยู่ด้วย…อย่าคิดว่าเก๋ง 4 ประตูมีเอาไว้ขับจ่ายกับข้าวเท่านั้น
รุ่นใหม่แกะกล่องที่มาพร้อมกับการอัพสเป็กของเครื่องยนต์ และลดน้ำหนักด้วยการใช้วัสดุที่เบา เช่น ฝากระโปรงหน้าผลิตจากอะลูมิเนียม และแผ่นหลังคาผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์แบบ CFRP ให้สามารถลดน้ำหนักลงได้ 23 กิโลกรัม มาอยู่ที่ 1,855 กิโลกรัม ซึ่งอาจจะยังดูหนักไปนิด แต่ถ้ามองในแง่ของการที่ M5 ใหม่ต้องอัดระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมรรถนะ และความสะดวกสบายเข้าไปภายในนั้น ตรงนี้ถือว่าพอรับได้ เพราะไปชดเชยเอากับสิ่งที่ได้มาจากเครื่องยนต์วี8 4,400 ซีซี M TwinPower เทอร์โบคู่ ที่รีดกำลังออกมาได้ 600 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 76.4 กก.-ม. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะผ่านการขับเคลื่อน 4 ล้อ
หลักฐานความเร้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 3.4 วินาที และ 11.1 วินาทีสำหรับ 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนความเร็วสูงสุดถูกล็อกเอาไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมงก็จริง แต่ถ้าจัดแพ็คเกจ M Driver ที่เป็นออพชั่นจากโรงงานแล้ว ตรงนี้จะถูกปลดล็อกออกและสามารถทำความเร็วได้ถึง 305 กิโลเมตร/ชั่วโมงเลยทีเดียว
แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วสำหรับใครที่กำลังคิดว่ามันก็แค่ Series 5 ให้รีบเปลี่ยนความคิดเสียใหม่
ดูจากภายนอกคุณอาจจะคิดว่ามันก็แค่ Charger แต่งคันหนึ่ง แต่ขอโทษเถอะ นี่มันแต่งมาจากโรงงานเชียวนะ แถมถ้าได้มีโอกาสดูคลิปกัน คุณจะทราบถึงพลังที่อัดแน่นอยู่ใต้ฝากระโปรงข้างหน้า ชนิดที่ถ้ากระแทกคันเร่งตอนออกตัวแรงๆ ล้อหน้ามีสิทธิ์ยกเหมือนกับที่เรามักจะเห็นตามรถแข่ง Drag Car ในสนาม
Dodge บอกว่านี่คือเก๋งที่มีตัวเลขของอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง (3.4 วินาที) ดีที่สุดเท่าที่มีขายอยู่ในตลาดอเมริกา จะยอมแพ้ให้ก็เพียงรถไฟฟ้าอย่าง Tesla Model S P90D ซึ่งก็น่าจะจริง เพราะตัวเลข 707 แรงม้า และแรงบิดระดับ 89.7 ก.ก.-ม. ชนิดเครื่องยนต์ดีเซลเทพๆ ยังอายเลยนั้น ทำให้เครื่องยนต์วี8 6,400 ซีซี ซูเปอร์ชาร์จของพวกเขาแสดงพลังได้อย่างเต็มที่ จนได้รับการยอมรับจริงๆ ว่าไม่ได้มีแค่ราคาคุย และที่สำคัญแรงม้าต่อราคาก็ถูกแสนถูกเพราะตั้งเอาไว้แค่ 66,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 2.17 ล้านบาทเท่านั้น
ถ้าคุณรักจะซิ่งแล้วน่าจะต้องทำความรู้จักสักหน่อยว่า หากเห็นป้าย AMG แปะอยู่ที่ท้ายรถ Benz คันใดที่อยู่บนถนน สิ่งที่ทำได้คือ ควรนิ่งๆ และอย่าซ่าเพราะอาจจะพลาดท่าได้ เพราะอย่าง E63AMG รุ่นใหม่ล่าสุดที่อ้างอิงพื้นฐานของ E-Class รุ่นปกติแบบ 4 ประตูนั้นมากับเครื่องยนต์วี8 5,500 ซีซี เทอร์โบ ซึ่งพกม้ามาด้วย 603 ตัว แถมด้วยแรงบิดในระดับ 86.5 กก.-ม.ในรุ่น S อาจจะทำให้ซูเปอร์คาร์บางคันพลาดท่าได้
และถ้ายังไม่เชื่อก็ดูตีนต้นในเรื่องอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงที่ใช้เวลาเพียง 3.3 วินาที และความเร็วปลายถูกล็อกเอาไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ถ้าปลดออกรับรองทะลุ 300 กิโลเมตร/ชั่วโมงอย่างแน่นอน
เครื่องยนต์แค่ วี6 2,900 ซีซี เทอร์โบ แต่กลับรีดกำลังออกมาได้ถึง 505 แรงม้า แถมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ และตัวถังที่เน้นความเบา ทำให้เก๋ง 4 ประตูมาดสปอร์ตของ Alfa รุ่นนี้สามารถซิ่งได้ไม่อายใคร และเครื่องหมายใบ Cloverleaf 4 แฉกที่ติดอยู่บนแก้มตัวถังด้านหน้า ยังสามารถสร้างความน่าเกรงขามให้กับเพื่อนร่วมถนนได้เป็นอย่างดี ส่วนฝีเท้าก็ 3.8 วินาทีสำหรับอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และ 307 กิโลเมตร/ชั่วโมงสำหรับความเร็วปลาย
ถ้าคุณคิดว่ารถไฟฟ้าหรือ EV คือรถโลกสวย อาจจะต้องคิดกันใหม่ เพราะนับตั้งแต่รุ่นแรกที่เปิดตัวออกมาคือ Tesla Roadster ดูเหมือนว่ามันจะมาคนละแนวคิดกับพวกรถไฟฟ้าจากแบรนด์ปกติ ส่วนรุ่น 4 ประตูที่ใช้ชื่อว่า Model S นั้น รุ่นปกติว่าเร้าใจแล้ว ถ้ามาเจอกับเวอร์ชัน P90D ที่มีการอัพเดทซอฟท์แวร์ และระบบขับเคลื่อนแล้ว งานนี้บอกได้เลยว่า Ferrari หรือ McLaren ก็เหอะ ไม่กล้าแน่ๆ…ส่วนหลักฐานหนะหรือ ก็ไปดูใน Youtube ได้ แรงขนาดที่พวกเจ้าของซูเปอร์คาร์ยังไม่กล้าเสี่ยงท้าใครแพ้เผารถกันเลย
Lamborghini Revuelto รถซูเปอร์สปอร์ต ระบบไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริดเครื่องยนต์ V12 สมรรถนะสูงรุ่นแรกของโลก
- April 12, 2023

Lamborghini Revuelto PHEV (ลัมโบร์กินี เรเวลโต้) รถยนต์ระดับ Hyperca ของค่ายกระทิง เมืองสเปน มากับขุมกำลังไฮบริด (PHEV) เป็นครั้งแรกของค่ายนี้ มีพละกำลังรวมมากถึง 1,015 เครื่อง V12 ลูกใหม่ ขนาด 6.5 ลิตร + มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว อัตราเร่ง 0-100kmph ใน 2.5 วินาที กับ TopSpeed มากกว่า 350 kmph แบตเตอรี่ขนาด 3.8 kWh วางอยู่บริเวณอุโมงค์ตรงกลางใต้ตัวรถ สามารถเลือกวิ่ง EV Mode ได้ โดยกดปุ่มที่พวงมาลัย ซึ่งจะวิ่งโดยไม่ใช้เครื่องยนต์ ได้ไกลสูงสุดประมาณ 10 กม.




🚩 Sant’Agata Bolognese – เนื่องในโอกาสการฉลองครบรอบ 60 ปี ออโตโมบิลี ลัมโบร์กินี (Automobili Lamborghini) เปิดตัว Revuelto รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดเครื่องยนต์ V12 สมรรถนะสูง (High Performance Electrified Vehicle: HPEV) รุ่นแรกของแบรนด์ สร้างมาตรฐานใหม่ทั้งในด้านสมรรถนะ ภาพลักษณ์แนวสปอร์ต และประสบการณ์การขับขี่สุดเร้าใจ
นวัตกรรมการออกแบบรถยนต์ ระบบอากาศพลศาสตร์ประสิทธิภาพสูง และคอนเซ็ปต์ใหม่ของการใช้โครงคาร์บอนไฟเบอร์ กำลังเครื่องยนต์รวมสูงสุดอยู่ที่ 1,015 CV ที่ผสานพลังระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในรุ่นใหม่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว โดยทำงานร่วมกับชุดเกียร์ดับเบิลคลัชต์ดีไซน์ใหม่ ซึ่งถูกเปิดตัวในรถยนต์ลัมโบร์กินี 12 สูบรุ่นนี้เป็นครั้งแรก



🚩 Lamborghini Revuelto (ลัมโบร์กินี เรเวลโต้) ใช้ระบบส่งกำลังประสานพลังของขุมพลังแรงสูง ทั้งจากเครื่องยนต์สันดาปรุ่นใหม่ที่มีค่ากำลังจำเพาะถึง 128 CV ต่อลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Axial Flux Motor ด้านหน้า 2 ตัว ซึ่งมอบอัตราส่วนน้ำหนักต่อแรงม้าที่ดีเยี่ยม ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Radial Flux Electric Motor อีก 1 ตัว ซึ่งติดตั้งด้านบนชุดเกียร์ดับเบิลคลัชต์ 8 สปีดดีไซน์ใหม่ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในรถยนต์ลัมโบร์กินี 12 สูบรุ่นนี้ โดยมอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 3 ตัวใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนกำลังสูง (4,500 วัตต์ต่อกิโลกรัม )โหมดการขับขี่ที่แตกต่างถึง 13 รูปแบบ ซึ่งสามารถรองรับโหมดการขับขี่แบบไฟฟ้า 100% ได้
โดยโหมดการขับขี่จำนวน 13 รูปแบบ โดยจะปรับได้ในส่วนปุ่มควบคุมที่สามารถเลือกได้ตั้งแต่โหมด Città ที่เน้นการขับขี่ในเขตเมืองและให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เป็นหลัก ขณะที่โหมด Strada จะเพิ่มการทำงานของเครื่องยนต์มากยิ่งขึ้น แต่ยังคงเซ็ตอัพของชุดช่วงล่างโดยเน้นความสบายยามขับขี่เป็นหลัก ขณะที่ Sport สามารถเลือกปรับการใช้เครื่องยนต์ได้เป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ Recharge Hybrid และ Performance โดยที่จะปรับกำลังสูงสุดของเครื่องยนต์ไว้เพียง 907 แรงม้า (PS) ขณะที่โหมด Corsa จะปรับเพิ่มกำลังสูงสุดเป็น 1,001 แรงม้า (PS)




🚩 ขุมพลังเบนซิน V12 ให้กำลังสูงสุด 780 แรงม้า (PS) ทำงานร่วมกับมอเตอร์จำนวน 3 ตัว ที่มีจำนวน 2 ตัวส่งกำลังไปที่ล้อคู่หน้า และอีก 1 ตัวที่เพลาล้อคู่หลัง ให้กำลังสูงสุดตัวละ 150 แรงม้า (PS) โดยมอเตอร์ตัวหลังทำงานร่วมกับระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ Dual cluth ดังนั้นหากขับขี่ในเมืองด้วย EV Mode มอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้าจะรับหน้าที่ส่งพลังขับเคลื่อนไปยังล้อทั้งสองโดยมีกำลังสูงสุดที่ถูกลดทอนเหลือ 180 แรงม้า
Revuelto ใช้แบตเตอรี่แพคชนิดลิเธียม-ไอออน แบบเซลล์กระเป๋า (Pouch Cell) แรงดันสูง ความจุ ขนาด 3.8 kWh ชม. สามารถชาร์จได้ทั้งไฟบ้านกระแสสลับ (AC) หรือแท่นชาร์จในบ้าน 7 kW ระยะเวลาในการชาร์จเต็ม 30 นาที และระบบชาร์จไฟกลับขณะเบรค หรือชาร์จโดยตรงจากเครื่องยนต์ V12 จะใช้เวลาเพียง 6 นาทีเท่านั้น
– อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 2.5 วินาที
– อัตราเร่งจาก 0-200 กม./ชม. ภายในเวลาน้อยกว่า 7.0 วินาที
– ความเร็วสูงสุด 350 กม./ชม.






🚩 ลัมโบร์กินี เรเวลโต้ ซูเปอร์คาร์เครื่องยนต์วางกลางพลังปลั๊ก-อิน ไฮบริด รุ่นใหม่ซึ่งเตรียมทำตลาดแทน Lamborghini Aventador ที่ยุติสายการผลิตไปในช่วงปลายปี 2022 ที่ผ่านมา ชื่อรุ่น Revuelto ยังคงนำมาจากกระทิงสัญชาติสเปนที่มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1880 ตัวรถนับเป็นโปรดัคชั่นคาร์ที่จะผลิตในเชิงปริมาณรุ่นแรกของแบรนด์ลัมโบร์กินี ที่มากับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า (แบบ PHEV)
Lamborghini Revuelto ดีไซน์ภายนอกยุค ไฟหน้า DRL สไตล์ Sián และ Terzo Millennio ด้านข้างมีครีบจัดเรียงอากาศออกจากซุ้มล้อหน้า พร้อมช่องดึงอากาศเข้าขนาดใหญ่ ไฟท้ายเป็นตัว Y แนวยาวระดับเดียวกับปลายท่อไอเสียทรงหกเหลี่ยมคู่ ส่งผลให้ด้านล่างใส่ดิฟฟิวเซอร์ใหญ่เต็มพื้นที่



🚩 เมื่อเทียบกับ Aventador Ultimae แซสซีใหม่หมดเบากว่า Aventador 10% ความแข็งแกร่งต่อแรงบิด 40,000 นิวตันเมตร/องศา เพิ่มขึ้น 25% จาก Aventador มีการกระจายน้ำหนักด้านหน้า 44% หลัง 56% ทำให้เข้าใกล้จุดศูนย์ถ่วงมากขึ้นและความยาวฐานล้อก็ถูกปรับให้เหมาะสมช่วยให้ตัวรถนั้นคล่องขึ้น ระบบกันสะเทือนปีกนกคู่แบบกึ่งแอ็คทีฟใหม่และเหล็กกันโคลงที่แข็งขึ้น 11% ที่ด้านหน้า และ 50% ที่ด้านหลัง (เทียบกับ Aventador Ultimae) และอัตราทดพวงมาลัยก็ลดลง -10% (เทียบกับ Aventador Ultimae)
ระบบเบรกและระบบระบายความร้อนเบรกถูกออกแบบใหม่ CCB Plus (Carbon Ceramic Brakes Plus) จานเบรกหน้าขนาด 410×38 มม. (Aventador Ultimae ขนาด 400×38 มม.) พร้อมคาลิปเปอร์ 10 สูบ จานหลังขนาด 390×32 มม. (รุ่นก่อนหน้า 380×38 มม.) กับคาลิปเปอร์ 4 สูบ ยางให้เป็น Bridgestone Potenza Sport ล้ออัลลอยให้ขอบ 21 นิ้ว ที่ด้านหน้า และขอบ 22 นิ้ว ทางด้านหลัง




